เครื่องฆ่าเชื้อ Wellis Air VS เครื่องฟอกอากาศ
ใครกำจัดเชื้อได้ดีกว่ากัน?
ตั้งแต่เกิดการระบาดของโรค COVID-19 ผู้คนให้ความสำคัญในการหาวิถีปฏิบัติที่จะช่วยยับยั้งการแพร่กระจายเชื้อโรคมากยิ่งขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่ป้องกันตัวเองจากโรค COVID-19 แต่ป้องกันตัวเองจากโรคภัยไข้เจ็บอื่นๆ ด้วย เช่น โรคไข้หวัดตามฤดูกาล เป็นต้น การมีตัวช่วยกำจัดเชื้อโรคในอากาศและบนพื้นผิววัตถุต่างๆ เช่น โต๊ะ ตู้ เตียง กำแพง เป็นต้น เป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้เราปลอดเชื้อที่อาจทำให้เราเสี่ยงเจ็บป่วยได้
การฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพต้องสอดคล้องกับหลัก 2C
เพราะเชื้อโรคมีอยู่ทุกที่ ทั้งในอากาศ และพื้นผิววัตถุต่างๆ เช่น เฟอร์นิเจอร์ ข้าวของเครื่องใช้ ของเล่นเด็ก ซอกมุมห้อง เป็นต้น การกำจัดเชื้อโรคจึงต้องเกิดขึ้นทั้งในอากาศและพื้นผิววัตถุ จึงจะกำจัดเชื้อโรคได้อย่างครอบคลุมทุกจุด
การฆ่าเชื้อก็จำเป็นต้องใช้ความเข้มข้นของสารฆ่าเชื้อที่เหมาะสมเพียงพอต่อการฆ่าเชื้อนั้นๆ (C- Concentrated ฆ่าเชื้อเข้มข้น) หากใช้สารฆ่าเชื้อที่ไม่เข้มข้นมากพอ เชื้ออาจจะยังสามารถเติบโตและแพร่กระจายต่อได้ เปรียบเหมือนตอนเราไม่สบาย หากเราทานยาในปริมาณไม่ครบตามที่คุณหมอสั่ง เราก็จะหายป่วยได้ช้าหรือไม่หายดี เพราะเชื้อโรคยังคงโจมตีร่างกายเราได้อยู่
นอกจากนี้การกำจัดเชื้อโรคต้องเกิดขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง (C-Continuous ฆ่าเชื้อต่อเนื่อง) เพราะว่าเชื้อโรคมีเข้ามาในพื้นที่ห้องได้ตลอด เนื่องจากมีคนเข้าออกสถานที่ เปิดปิดหน้าต่างและประตูเข้าออกอยู่บ่อยๆ และเราก็พบว่ามีเชื้อโรคเกาะตามพื้นผิววัตถุอยู่ตลอดเป็นเพราะมีการสัมผัสสิ่งของต่างๆ จึงเกิดการแพร่กระจายจากเชื้อที่เกาะจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง หากแม้ห้องเราจะเป็นแบบปิด เชื้อโรคก็ยังคงเติบโตและแพร่กระจายได้อยู่เหมือนกัน
เครื่องฆ่าเชื้อ Wellis Air กำจัดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุม
ภาพแสดงการเปรียบเทียบคุณสมบัติของเครื่อง Wellis Air และเครื่องฟอกอากาศทั่วไป จะพบว่าเครื่อง Wellis กำจัดเชื้อโรคได้เหนือกว่าเครื่องฟอกอากาศทั่วไปเป็นอย่างมาก
เครื่องฆ่าเชื้อไวรัส เชื้อรา แบคทีเรียในอากาศและพื้นผิววัตถุ Wellis Air สามารถกำจัดเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และครอบคลุม เพราะ
- Wellis Air ใช้หลักการยิงประจุไฮดรอกซิลในการเข้าสลายโมเลกุลของเชื้อไวรัส แบคทีเรีย รา และสารเคมี ในอากาศ (ลอยปกคลุมทั่วห้อง) และพื้นผิววัตถุต่างๆ เช่น เฟอร์นิเจอร์ ข้าวของเครื่องใช้ ของเล่นเด็ก เสื้อผ้า ฯลฯ รวมถึงทุกซอกทุกมุม เช่น บริเวณใต้โต๊ะ ใต้เตียง และพื้นที่ที่ทำความสะอาดไม่ถึง เพราะประจุไฮดรอกซิลเป็นก๊าซสามารถลอยเข้าถึงทุกพื้นที่) รวมถึงฆ่าเชื้อได้ทุกสายพันธุ์ เช่น
ภาพแสดงรายชื่อไวรัส เชื้อรา แบคทีเรียที่ Wellis Air กำจัดได้ เช่น เชื้อที่ก่อให้เกิดโรค COVID-19 ไข้หวัดใหญ่ Rotavirus โรคมือเท้าปาก เป็นต้น
2. Wellis Air ไม่ทิ้งสารตกค้างใดๆ หลังการฆ่าเชื้อ จึงเป็นมิตรต่อเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ รวมถึงสัตว์เลี้ยงและสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ไม่มีกังวลเรื่องการเปลี่ยนไส้กรอง หรือการบำรุงรักษาที่ยุ่งยาก เพราะเปลี่ยนแค่ตลับน้ำมันโอเลฟินส์ทุก 3 เดือนเท่านั้น
3. ปริมาณไฮดรอกซิลที่ Wellis Air ผลิตมีความเข้มข้นในการกำจัดเชื้อโรคสูง ทั้งในด้านคุณสมบัติโดยธรรมชาติของประจุและปริมาณที่ตัวเครื่องผลิต
- ไฮดรอกซิลมีคุณสมบัติกำจัดเชื้อได้ดีเป็นอันดับ 2 นำโอโซน และน้ำยาฆ่าเชื้อในห้องผ่าตัด เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์
ภาพแสดงไฮดรอกซิลมีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อเป็นอันดับ 2 เหนือโอโซน และน้ำยาฆ่าเชื้อไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (ตามลำดับ)
- ปริมาณไฮดรอกซิลที่ผลิตจากเครื่อง Wellis Air มี 8-10 ล้าน/CC เมื่อเทียบกับปริมาณไฮดรอกซิลที่พบในชั้นบรรยากาศที่มีเพียง 200,000-2,000,000/CC (สอดคล้องกับ C-Concentrated) (อ่านเรื่องไฮดรอกซิลเพิ่มเติมได้ที่นี่>>)
4. Wellis Air สามารถกำจัดเชื้อโรคได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงตอนคนอยู่รวมตัวกันในสถานที่ (สอดคล้องกับ C-Continuous) โดยไม่ทำอันตรายต่อคน สัตว์เลี้ยง และสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นประจุประเภทเดียวกันกับที่ธรรมชาติผลิตเพื่อใช้กำจัดเชื้อโรคในชั้นบรรยากาศ
กล่าวโดยสรุปคือ เมื่อพิจารณาเรื่องประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อโรค Wellis Air เหนือกว่าเครื่องฟอกอากาศ เพราะสามารถกำจัดเชื้อในอากาศและบนพื้นผิววัตถุ ในขณะที่เครื่องฟอกอากาศทำได้เพียงดูดฝุ่นในอากาศเท่านั้น*
หากพิจารณาเรื่องการเสริมประสิทธิภาพการทำความสะอาดอากาศ เราสามารถใช้เครื่องฟอกอากาศและ Wellis Air ร่วมกันได้ โดยเครื่องฟอกอากาศจะดักจับฝุ่น ในขณะที่ Wellis Air จะฆ่าเชื้อในอากาศและพื้นผิววัตถุ สั่งซื้อ Wellis Air ได้ที่นี่>>