ไวรัสในอากาศ ภัยร้ายที่มองไม่เห็น รู้ทันป้องกันได้

ไวรัสในอากาศ ภัยร้ายที่มองไม่เห็น รู้ทันป้องกันได้

การแพร่กระจายของโรคติดเชื้อผ่านทางอากาศเป็นหนึ่งในความท้าทายสำคัญด้านสุขภาพสาธารณะในปัจจุบัน ไวรัสในอากาศ ไม่เพียงแต่เป็นภัยคุกคามที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ยังสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วในพื้นที่ที่มีคนจำนวนมาก โดยเฉพาะในโรงพยาบาล คลินิก สำนักงาน โรงเรียน และสถานที่สาธารณะต่างๆ ความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการปกป้องตัวเองและคนรอบข้าง

ไวรัสในอากาศคืออะไร

ไวรัสในอากาศคืออะไร? แพร่กระจายได้อย่างไร?

ไวรัสในอากาศหมายถึงเชื้อไวรัสที่สามารถแพร่กระจายผ่านทางอากาศในรูปแบบต่างๆ ซึ่งแตกต่างจากการติดเชื้อผ่านการสัมผัสโดยตรงหรือผ่านอาหารและน้ำ การแพร่กระจายทางอากาศมีหลายกลไกที่สำคัญที่เราควรทำความเข้าใจ

ละอองฝอยขนาดใหญ่ (Droplet) เกิดจากการไอ จาม

ละอองฝอยขนาดใหญ่เป็นวิธีการแพร่กระจายหลักของไวรัสหลายชนิด เมื่อผู้ติดเชื้อไอ จาม หรือพูดเสียงดัง จะมีละอองน้ำขนาดใหญ่กว่า 5 ไมโครเมตรฟุ้งกระจายออกมา ละอองเหล่านี้มีน้ำหนักมากจึงตกลงสู่พื้นหรือพื้นผิวต่างๆ ได้เร็วภายในระยะทาง 1-2 เมตร การติดเชื้อจากละอองฝอยขนาดใหญ่มักเกิดขึ้นเมื่อเราายู่ใกล้ผู้ป่วยเป็นเวลานาน หรือสัมผัสพื้นผิวที่มีละอองเหล่านี้ตกค้าง

ละอองลอยขนาดเล็กลอยในอากาศได้นาน

ละอองลอยขนาดเล็กกว่า 5 ไมโครเมตรเป็นกลไกการแพร่กระจายที่น่าห่วงใยที่สุด เนื่องจากละอองขนาดเล็กเหล่านี้สามารถลอยอยู่ในอากาศได้เป็นชั่วโมง และเคลื่อนที่ไปได้ไกลกว่าระยะ 2 เมตร การแพร่กระจายแบบนี้ทำให้เชื้อไวรัสสามารถติดต่อได้แม้เราจะไม่ได้อยู่ใกล้ผู้ป่วยโดยตรง โดยเฉพาะในพื้นที่ปิดที่อากาศไม่ถ่ายเทดี

การสัมผัสพื้นผิวที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส

นอกจากการแพร่กระจายทางอากาศแล้ว ไวรัสยังสามารถคงอยู่บนพื้นผิวต่างๆ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ลูกบอกประตู โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์สำนักงาน เมื่อเราสัมผัสพื้นผิวที่ปนเปื้อนแล้วแตะใบหน้า ตา จมูก หรือปาก ก็มีโอกาสติดเชื้อได้เช่นกัน

รวม 8 ไวรัสที่แพร่กระจายทางอากาศ ที่คุณต้องระวัง

ไวรัสหลายชนิดสามารถแพร่กระจายผ่านทางอากาศ โดยมีไวรัสสำคัญที่เราควรระวังดังนี้:

  • COVID-19 (SARS-CoV-2) – ไวรัสที่โด่งดังที่สุดในช่วงการระบาดใหญ่ สามารถแพร่กระจายทั้งผ่านละอองฝอยและละอองลอยขนาดเล็ก
  • SARS และ MERS – ไวรัสในตระกูลเดียวกันที่ก่อให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจที่รุนแรง
  • RSV (Respiratory Syncytial Virus) – สาเหตุสำคัญของโรคทางเดินหายใจในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ
  • Rotavirus – แพร่กระจายได้ทั้งทางอากาศและการสัมผัส ก่อให้เกิดอาการท้องเสียรุนแรง
  • ไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคมือเท้าปาก (Hand, Foot, and Mouth Disease) – มักพบในเด็กเล็ก แพร่กระจายได้ง่ายในสถานรับเลี้ยงเด็ก
  • ไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza) สายพันธุ์ต่างๆ – รวมถึง H1N1, H3N2 เป็นต้น

ไวรัสไข้หวัดธรรมดา – หลายชนิดที่แพร่กระจายตลอดปี

อาการแบบไหน? ที่บ่งบอกว่าอาจติดเชื้อไวรัสในอากาศ

การรู้จักอาการเบื้องต้นของการติดเชื้อไวรัสทางอากาศเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาที่ทันท่วงที อาการต่างๆ อาจแสดงออกมาในระยะเวลาที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับชนิดของไวรัสและภูมิคุ้มกันของแต่ละบุคคล

อาการทั่วไปที่พบบ่อย 

อาการเริ่มต้นของการติดเชื้อไวรัสทางเดินหายใจมักเริ่มด้วยไข้ ซึ่งเป็นการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อการรุกรานของเชื้อโรค ไอแห้งหรือไอมีเสมหะ เจ็บคอ และมีน้ำมูกเป็นอาการที่พบได้บ่อย นอกจากนี้อาจมีอาการปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว เหนื่อยล้า และในบางกรณีอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสีย

อาการรุนแรงที่ต้องรีบไปพบแพทย์

เมื่อการติดเชื้อลุกลามไปยังปอดหรือระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง อาการจะรุนแรงขึ้น หายใจเหนื่อยหอบ หายใจลำบาก แน่นหน้าอก ปวดหน้าอก หรือมีเสียงแหบเมื่อหายใจเป็นสัญญาณเตือนที่ต้องรีบพบแพทย์ทันที อาการเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงการอักเสบของปอดหรือภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง

ไวรัสอยู่ในอากาศได้นานแค่ไหน?

ระยะเวลาที่ไวรัสสามารถคงชีวิตอยู่ในอากาศและบนพื้นผิวต่างๆ แตกต่างกันไปตามชนิดของไวรัสและสภาพแวดล้อม การเข้าใจข้อมูลนี้จะช่วยให้เราวางแผนการป้องกันได้อย่างเหมาะสม

ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลาของเชื้อไวรัสในอากาศ

อุณหภูมิและความชื้นในอากาศเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการอยู่รอดของไวรัส อุณหภูมิที่เย็นและความชื้นที่เหมาะสมจะทำให้ไวรัสคงอยู่ได้นานขึ้น การระบายอากาศที่ดีจะช่วยลดการสะสมของเชื้อไวรัสในอากาศ แสงแดดโดยตรงและรังสี UV สามารถทำลายไวรัสได้ แต่ในพื้นที่ร่มหรือในอาคารไวรัสจะคงอยู่ได้นานกว่า

เปรียบเทียบระยะเวลาของไวรัสแต่ละชนิดบนพื้นผิวต่างๆ

ไวรัส COVID-19 สามารถคงอยู่บนพื้นผิวพลาสติกและสแตนเลสได้นานถึง 2-3 วัน บนกระดาษได้ 24 ชั่วโมง และบนทองแดงได้ 4 ชั่วโมง ไวรัสไข้หวัดใหญ่คงอยู่ได้สั้นกว่า ประมาณ 1-2 วันบนพื้นผิวแข็ง RSV สามารถคงอยู่บนพื้นผิวได้หลายชั่วโมงถึงหนึ่งวัน ขึ้นอยู่กับชนิดของวัสดุและสภาพแวดล้อม

วิธีป้องกันตัวเองจากไวรัสในอากาศแบบง่ายๆ แต่ได้ผล

การป้องกันการติดเชื้อไวรัสทางอากาศต้องใช้วิธีการหลายประการร่วมกัน การสวมหน้ากากอนามัยที่เหมาะสมเป็นวิธีพื้นฐานที่สำคัญ โดยเฉพาะในที่สาธารณะหรือเมื่ออยู่ใกล้ผู้ป่วย การล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์เป็นวิธีที่ได้ผลดี

สำหรับสถานที่ที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น โรงพยาบาล คลินิก หรือสำนักงานที่มีคนจำนวนมาก การใช้เครื่องฆ่าเชื้อโรคในอากาศที่มีประสิทธิภาพสูงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง Wellis Air เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการรับรองจาก US FDA และหน่วยงานมาตรฐานสากลต่างๆ เช่น มาตรฐานความปลอดภัยของสหภาพยุโรป (CE Certificate) รวมถึงการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก. 60335 เล่ม 2(65)-2564) ของประเทศไทย และประสิทธิภาพในการกำจัดไวรัส COVID-19, SARS, MERS, RSV, Rotavirus และเชื้อโรคอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการปล่อยประจุไฮดรอกซิล (Hydroxyl) ที่ปลอดภัยต่อมนุษย์และสัตว์เลี้ยง ทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องปิดเครื่อง และครอบคลุมพื้นที่ได้มากถึง 50-100 ตารางเมตร

สรุปบทความ

ไวรัสในอากาศ เป็นภัยคุกคามที่ไม่ควรมองข้าม การทำความเข้าใจเกี่ยวกับกลไกการแพร่กระจาย อาการของโรค และวิธีการป้องกันที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาสุขภาพของเราและคนรอบข้าง การใช้มาตรการป้องกันหลายประการร่วมกัน ตั้งแต่การรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล การเว้นระยะห่างทางสังคม ไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีช่วยในการกำจัดเชื้อโรคในอากาศ จะช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ติดต่อรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญหรือเลือกซื้อ Wellis Air ได้แล้ววันนี้

Line OA: @wellisthailand

Facebook: Wellis Thailand Official 

Messenger: Wellis Thailand Official 

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: 081-559-8555

Leave a Reply

LINE

แชทกับผู้เชี่ยวชาญ

081-559-8555

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

Messenger

แชทกับผู้เชี่ยวชาญ

line