มาตรฐานคลินิกเวชกรรม ฉบับสมบูรณ์ 2568

การเปิดคลินิกเวชกรรมในประเทศไทยต้องผ่านมาตรฐานคลินิกเวชกรรมที่เข้มงวดตามกฎหมาย เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยจะได้รับการดูแลที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ ในปี 2568 กระทรวงสาธารณสุขได้ปรับปรุงหลายประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและมาตรฐานการรักษา ทำให้ผู้ประกอบการทางการแพทย์ต้องเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด บทความนี้จะรวบรวมข้อมูลครบถ้วนเกี่ยวกับมาตรฐานดังกล่าว พร้อมแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้องตามกฎหมาย

สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าด้วยสุขภาวะที่ปลอดเชื้อโรค

ทำความเข้าใจ ‘มาตรฐานคลินิกเวชกรรม’ คืออะไร และสำคัญอย่างไร?

มาตรฐานคลินิกเวชกรรม หมายถึง ข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขใช้ควบคุมการประกอบกิจการคลินิกเพื่อรักษาโรค ทั้งในด้านโครงสร้าง บุคลากร อุปกรณ์การแพทย์ และระบบการให้บริการ เพื่อรับประกันคุณภาพการรักษาพยาบาลและความปลอดภัยของผู้ป่วย

อ้างอิงจากกฎกระทรวงและ พ.ร.บ. สถานพยาบาลฉบับล่าสุด

ตาม พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 และ กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขออนุญาตเปิดสถานพยาบาล พ.ศ. 2547 รวมถึงการปรับปรุงฉบับใหม่ปี 2567-2568 ได้กำหนดให้คลินิกเวชกรรมต้องมีมาตรฐานขั้นต่ำในการดำเนินการ โดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) และกระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักในการออกใบอนุญาตและตรวจสอบมาตรฐาน

ประโยชน์ของการผ่านมาตรฐาน

การปฏิบัติตามมาตรฐานคลินิกเวชกรรมไม่เพียงช่วยให้ผู้ประกอบการหลีกเลี่ยงปัญหากฎหมายเท่านั้น แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ป่วยและครอบครัว ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว คลินิกที่มีมาตรฐานจะได้รับความไว้วางใจมากกว่า และสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างยั่งยืน

องค์ประกอบหลักของคลินิกเวชกรรมตามกฎหมาย แบ่งเป็น 5 ด้าน

การจัดตั้งคลินิกเวชกรรมที่ถูกต้องตามมาตรฐานคลินิกเวชกรรมต้องครอบคลุม 5 องค์ประกอบหลัก ซึ่งแต่ละด้านมีรายละเอียดเฉพาะที่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

1. ด้านสถานที่ตั้ง ลักษณะ และสิ่งแวดล้อม

คลินิกเวชกรรมต้องตั้งอยู่ในบริเวณที่เหมาะสม ห่างจากแหล่งมลภาวะอย่างน้อย 50 เมตร มีทางเข้า-ออกสะดวกสำหรับผู้ป่วย รวมถึงผู้พิการ อาคารต้องมั่นคงแข็งแรงตามมาตรฐานการก่อสร้าง มีระบบระบายน้ำที่ดี และสามารถควบคุมเสียงรบกวนได้

2. ด้านโครงสร้างภายในและพื้นที่ใช้สอย

ห้องตรวจรักษาต้องมีพื้นที่ไม่น้อยกว่า 12 ตารางเมตรต่อห้อง มีห้องรอผู้ป่วยที่เพียงพอ ห้องเก็บเวชภัณฑ์แยกต่างหาก และห้องน้ำสำหรับผู้ป่วยอย่างน้อย 1 ห้อง พื้นผิวทั้งหมดต้องทำความสะอาดได้ง่าย กันความชื้น และไม่ดูดซับสารคัดหลั่งจากผู้ป่วย

3. ด้านบุคลากร: ใครต้องมีบ้าง?

คลินิกต้องมีแพทย์ผู้รับผิดชอบซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม พยาบาลวิชาชีพหรือผู้ช่วยพยาบาลอย่างน้อย 1 คน และบุคลากรสนับสนุนตามความจำเป็น ทุกคนต้องผ่านการอบรมด้านความปลอดภัยและการควบคุมเชื้อโรค

4. ด้านเครื่องมือ ยา และเวชภัณฑ์ที่จำเป็น

อุปกรณ์การแพทย์ขั้นพื้นฐานต้องครบถ้วน เช่น เครื่องวัดความดันโลหิต หูฟัง เครื่องชั่งน้ำหนัก เตียงตรวจผู้ป่วย ตู้เย็นสำหรับเก็บยา และอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้น ยาและเวชภัณฑ์ต้องจัดเก็บตามมาตรฐาน มีบันทึกการใช้และวันหมดอายุ

5. ด้านความปลอดภัยและระบบสาธารณูปโภค

ระบบไฟฟ้าต้องมีความปลอดภัย มีไฟฉุกเฉิน ระบบน้ำประปาสะอาด และระบบกำจัดขยะติดเชื้ออย่างเหมาะสม สิ่งสำคัญคือต้องมีระบบควบคุมเชื้อโรคในอากาศและบนพื้นผิว เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคระหว่างผู้ป่วย

การติดตั้งเครื่องฆ่าเชื้อโรคที่มีมาตรฐานเป็นส่วนสำคัญของระบบความปลอดภัย โดยช่วยปกป้องผู้ป่วยในหลายมิติ ได้แก่ การป้องกันการติดเชื้อข้ามระหว่างผู้ป่วยด้วยกันในห้องรอ การลดความเสี่ยงของผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคจากอากาศและพื้นผิวสัมผัส เช่น โต๊ะ เก้าอี้ และอุปกรณ์การแพทย์

เครื่องฆ่าเชื้อโรคที่เหมาะสมควรทำงานตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่รบกวนการให้บริการ ปลอดภัยต่ผู้ป่วยทุกวัย รวมถึงเด็กเล็กและผู้สูงอายุ เป็นที่นิยมใช้ในโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำ

สรุปขั้นตอนการยื่นขออนุญาตเปิดคลินิกเวชกรรม

การยื่นขออนุญาตต้องเตรียมเอกสารครบถ้วน ได้แก่ แบบคำขอ แผนผังสถานที่ หลักฐานคุณสมบัติแพทย์และบุคลากร รายการเครื่องมือและยา รวมถึงแผนการควบคุมเชื้อโรค จากนั้นยื่นต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดหรือกรุงเทพมหานคร ระยะเวลาการอนุมัติประมาณ 30-45 วันทำการ หลังได้รับอนุญาต ต้องแจ้งเปิดดำเนินการภายใน 1 ปี

สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าด้วยสุขภาวะที่ปลอดเชื้อโรค

นอกเหนือจากการปฏิบัติตามมาตรฐานคลินิกเวชกรรมแล้ว การลงทุนในระบบกำจัดเชื้อโรคที่ทันสมัยจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้ป่วย เทคโนโลยีการฆ่าเชื้อด้วยประจุไฮดรอกซิลที่ปลอดภัยต่อมนุษย์ สามารถทำงานตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่รบกวนการให้บริการ และมีประสิทธิภาพในการกำจัดไวรัส COVID-19, RSV, Rotavirus, SARS, MERS, ไข้หวัดใหญ่ทุกสายพันธ์, โรคมือเท้าปาก และเชื้อโรคอื่น ได้อย่างมีประสิทธิภaพ
เครื่องฆ่าเชื้อโรค Wellis Air เป็นตัวอย่างของเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับในวงการแพทย์ ด้วยการได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) และสหภาพยุโรป (CE Certificate) รวมถึงการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก. 60335 เล่ม 2(65)-2564) ของประเทศไทย จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัยและประสิทธิภาพ ปัจจุบันมีโรงพยาบาลและคลินิกหลายร้อยแห่งในประเทศไทยเลือกใช้เทคโนโลยีนี้ในห้องเด็กแรกเกิด ห้อง ICU และห้องผ่าตัด การมีระบบป้องกันเชื้อโรคที่ครอบคลุมทั้งในอากาศและบนพื้นผิวจะช่วยให้คลินิกผ่านมาตรฐานความปลอดภัยได้ง่ายขึ้น

สรุปบทความ

การปฏิบัติตามมาตรฐานคลินิกเวชกรรมเป็นสิ่งจำเป็นไม่เพียงเพื่อความถูกต้องตามกฎหมาย แต่เป็นการสร้างความเชื่อมั่นและรับประกันความปลอดภัยให้กับผู้ป่วย การลงทุนในระบบและอุปกรณ์ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล รวมถึงการฝึกอบรมบุคลากรอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คลินิกสามารถแข่งขันและดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน

สำหรับผู้ที่สนใจเปิดคลินิกเวชกรรม ควรศึกษากฎหมายและข้อกำหนดอย่างละเอียด ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และเตรียมความพร้อมในทุกด้านให้ครบถ้วนก่อนยื่นขออนุญาต

ติดต่อรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญหรือเลือกซื้อ Wellis Air ได้แล้ววันนี้

Line OA: @wellisthailand

Facebook: Wellis Thailand Official 

Messenger: Wellis Thailand Official 

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: 081-559-8555

Leave a Reply