ไส้กรองเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค หรือที่เรียกว่า "ขยะติดเชื้อ" ในทางการแพทย์*

เครื่องกรองอากาศเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่หลายครัวเรือนเลือกใช้ทำความสะอาดอากาศในด้านต่างๆ เช่น กรองฝุ่น อนุภาคต่างๆ ในอากาศ เช่น PM 2.5 ละอองเกสรดอกไม้ เป็นต้น รวมถึง แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อราต่างๆ ด้วย  สิ่งหนึ่งที่จำเป็นต้องตระหนักเมื่อใช้เครื่องกรองอากาศคือ “ไส้กรอง” ซึ่งเป็นที่กักเก็บสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ต่างๆ ในอากาศ  หากพิจารณาดูดีๆ จะพบว่าไส้กรองก็เปรียบเสมือนเป็น “แหล่งสะสมเชื้อโรค” ชั้นดี จนในวงการแพทย์* เรียกไส้กรองว่า “ขยะติดเชื้อ”  มาดูกันว่าเราจะใช้เครื่องกรองอากาศอย่างไรให้ปลอดภัยสูงสุดต่อผู้ใช้งาน

 

*กฎกระทรวง และ WHO (Safe management of wastes from Health-care activities, 2014) ให้คำนิยามมูลฝอยติดเชื้อหรือ “ขยะติดเชื้อ” ที่ใกล้เคียงกันว่า “มูลฝอยที่มีเชื้อโรคปะปนอยู่ในปริมาณหรือมีความเข้มข้น ซึ่งถ้ามีการสัมผัสหรือใกล้ชิดกับมูลฝอยนั้นแล้วสามารถทำให้เกิดโรคได้” และ “มูลฝอยที่สงสัยว่าปนเปื้อนสิ่งที่ก่อให้เกิดโรค เช่น แบคทีเรีย ไวรัส ปรสิต เชื้อรา ที่มีความเข้มข้นหรือปริมาณเพียงพอที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคได” ตามลำดับ

ไส้กรองเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค หรือ “ขยะติดเชื้อ” ได้อย่างไร?

เครื่องกรองอากาศทำงานโดยการดูดอากาศมาผ่านไส้กรองที่อยู่ภายในตัวเครื่อง แล้วปล่อยอากาศที่บริสุทธิกลับสู่ห้อง  อากาศตอนก่อนผ่านไส้กรองจะมีฝุ่น อนุภาคต่างๆ รวมถึงอาจจะมีแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อราต่างๆ อยู่ด้วย เมื่อผ่านไส้กรอง สิ่งแปลกปลอมต่างๆ จะถูกล็อก กักเก็บไว้ในไส้กรองไว้ทั้งหมดหรือบางส่วน (ขึ้นอยู่กับคุณภาพและชนิดของไส้กรอง) แล้วอากาศที่ไหลผ่านไส้กรองจะเป็นอากาศที่สะอาดและบริสุทธิมากขึ้น

 

การทำความสะอาดไส้กรองในเครื่องกรองอากาศจะทำด้วยการถอดเปลี่ยนไส้กรองเก่าด้วยไส้กรองอันใหม่ ซึ่งส่วนมากจะเปลี่ยนอย่างถี่ที่สุดก็ทุก 3-6 เดือน (ขึ้นอยู่กับคุณภาพอากาศของสถานที่นั้นๆ และระยะเวลาที่เปิดใช้งานเครื่อง) ดังนั้นเชื้อโรคและฝุ่นต่างๆ จะถูกกักเก็บอยู่ในตัวเครื่องจนกว่าจะถึงเวลาเปลี่ยนไส้กรองอันใหม่ ก็เหมือนกับว่าในห้องของเรามีแหล่งสะสมเชื้อโรค หรือ “ขยะติดเชื้อ” อยู่กับเราตลอดเวลา  

 

ประเด็นที่เป็นความเสี่ยงสำหรับผู้ที่อยู่ในสถานที่คือ หากทำการเปลี่ยนไส้กรองเก่าออกมาภายในห้องพื้นที่ปิด ไม่มีอากาศถ่ายเทดี เชื้อโรคก็อาจฟุ้งกระจายเข้าสู่ร่างกายของผู้เปลี่ยนไส้กรอง และสู่อากาศภายในห้องก็เป็นไปได้

แล้วเครื่องกรองอากาศยังจำเป็นอยู่ไหม?

จุดเด่นของเครื่องกรองอากาศคือ การกรองฝุ่น อนุภาคสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศ ที่อาจกระตุ้นอาการภูมิแพ้ได้ เช่น PM 2.5 ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในเมือง หรือพื้นที่อื่นๆ ที่มีการเผาไหม้หญ้า และมีการก่อสร้าง เป็นต้น รวมถึง ละอองเกสรดอกไม้ เป็นต้น ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีมลภาวะหนาแน่นยังคงจำเป็นต้องใช้เครื่องกรองอากาศ 

 

อย่างไรก็ตามหากพิจารณาต้องการนำเครื่องกรองอากาศมาใช้กำจัดไวรัส เชื้อรา และแบคทีเรียในอากาศโดยเฉพาะ (มีทางเลือกที่ดีกว่า) เพราะ

 

  • เครื่องกรองอากาศทั่วไปดูดอากาศเข้ามาในเครื่องเพื่อกักเก็บอนุภาคต่างๆ สารพิษ เชื้อโรค แบคทีเรียในอากาศไว้ในไส้กรอง  ไม่สามารถกำจัดสิ่งเหล่านี้ที่อยู่บนพื้นผิววัตถุต่างๆ ได้ (ซึ่งเป็นที่ที่มีการสัมผัสบ่อย เป็นจุดกระจายเชื้อโรคที่สำคัญ)

  • มีเครื่องมือตัวอื่นที่สามารถกำจัดเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า คือ ไม่มีการกักเก็บเชื้อ ฆ่าเชื้อตาย (โมเลกุลเชื้อสลายตัว) ไม่ทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตรายใดๆ หลังการฆ่าเชื้อ รวมถึงกำจัดเชื้อโรคได้ทั้งในอากาศและพื้นผิววัตถุ ซึ่งเครื่องมือนั้นคือ เครื่อง Wellis Air ซึ่งถูกออกแบบมาใช้ฆ่าเชื้อโดยเฉพาะ

เครื่อง Wellis Air คืออะไร?

เครื่องฆ่าเชื้อไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อราในอากาศและพื้นผิววัตถุ Wellis Air สามารถกำจัดเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปลอดภัยกว่าเครื่องฟอกอากาศทั่วไป เพราะ

 

1. Wellis Air ใช้หลักการยิงประจุไฮดรอกซิล (ประจุตัวเดียวกันกับที่ธรรมชาติสร้างเพื่อทำความสะอาดอากาศในชั้นบรรยากาศ) ในการเข้าสลายโมเลกุลของเชื้อไวรัส แบคทีเรีย รา และสารเคมี ในอากาศ (ลอยปกคลุมทั่วห้อง) และพื้นผิววัตถุต่างๆ เช่น เฟอร์นิเจอร์ ข้าวของเครื่องใช้ ของเล่นเด็ก เสื้อผ้า ฯลฯ รวมถึงทุกซอกทุกมุม เช่น บริเวณใต้โต๊ะ ใต้เตียง และพื้นที่ที่ทำความสะอาดไม่ถึง เพราะประจุไฮดรอกซิลเป็นก๊าซสามารถลอยเข้าถึงทุกพื้นที่) รวมถึงฆ่าเชื้อที่เป็นอันตรายได้หลายสายพันธุ์ เช่น SAR-COV 2 (ก่อให้เกิดโรคโควิด 19), เชื้อ RSV (ก่อให้เกิดการติดเชื้อในระบบหายใจ พบมากในเด็ก), เชื้อ Rotavirus (ก่อให้เกิดโรคอุจาระร่วงในเด็กเล็ก), เชื้อโคแซ็กกี้ (ที่ก่อให้เกิดโรคมือเท้าปาก) และไข้หวัดต่างๆ  เป็นต้น

ภาพแสดงรายการชื่อโรคที่ Wellis Air สามารถกำจัดได้ เช่น โรคโควิด 19 โรคติดเชื้อทางเดินอากาศหายใจ เชื้อไข้หวัดต่างๆ รวมถึงโรคอันตรายที่อาจถึงแก่ชีวิตเด็กเล็ก เช่น โรคมือเท้าปากจากเชื้อโคแซ็กกี้ โรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจจากเชื้อ RSV และโรคอุจจาระร่วงจากเชื้อ Rotavirus

  2. Wellis Air ไม่ทิ้งสารตกค้างใดๆ หลังการฆ่าเชื้อ จึงเป็นมิตรต่อเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ รวมถึงสัตว์เลี้ยงและสิ่งแวดล้อม

 

3. Wellis Air สามารถกำจัดเชื้อโรคได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงตอนคนอยู่รวมตัวกันในสถานที่  โดยไม่ทำอันตรายต่อคน สัตว์เลี้ยง และสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นประจุประเภทเดียวกันกับที่ธรรมชาติผลิตเพื่อใช้กำจัดเชื้อโรคในชั้นบรรยากาศ

 

4. ไม่จำเป็นต้องติดตั้งเครื่อง Wellis Air ก่อนเริ่มใช้งาน (เช่น เจาะกำแพงหรือปรับโครงสร้างบางส่วนของห้อง) รวมถึงหมดกังวลเรื่องการเปลี่ยนไส้กรอง หรือการบำรุงรักษาที่ยุ่งยาก เพราะเปลี่ยนแค่ตลับน้ำมันโอเลฟินส์ทุก 3 เดือนเท่านั้น หากเครื่องเสีย ก็สามารถรับเครื่องใหม่ไปใช้งานได้ทันที

 

5. Wellis Air ใช้งานง่าย แม้แต่ผู้สูงอายุก็ใช้งานได้ เพียงแค่เสียบปลั๊ก ใส่ตลับน้ำมันโอเลฟินส์ และกดปุ่มเปิดใช้งาน

 

อ่านข้อมูลเกี่ยวกับเครื่อง Wellis Air เพิ่มเติมได้ที่นี่>>

 

 

หากให้สรุปเรื่องประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อระหว่างเครื่อง Wellis Air และเครื่องฟอกอากาศทั่วไป สามารถดูรายละเอียดในภาพด้านล่าง ดังนี้

ภาพแสดงการเปรียบเทียบประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องกรองอากาศทั่วไปและเครื่อง Wellis Air ซึ่งพบว่าเครื่อง Wellis Air เหนือกว่าหลายด้าน เช่น ฆ่าเชื้อในอากาศและบนพื้นผิวได้ รวมถึงปลอดภัยต่อคน สัตว์เลี้ยง รวมถึงสิ่งแวดล้อม ไร้กังวลเรื่องการกักเก็บเชื้อโรคในตัวเครื่อง

ใช้เครื่อง Wellis Air เสริมประสิทธิภาพการทำความสะอาดอากาศ

เนื่องจากเครื่องกรองอากาศเด่นเรื่องการกำจัดฝุ่นและอนุภาคต่างๆ ในอากาศ  ส่วนเครื่อง Wellis Air เด่นเรื่องการกำจัดเชื้อโรคในอากาศและพื้นผิววัตถุ จึงแนะนำให้ใช้เครื่อง Wellis Air ควบคู่กับการใช้เครื่องกรองอากาศ เพื่อทำความสะอาดได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ 

 
กล่าวโดยสรุปคือ 

  1. เราควรเลือกใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ให้ถูกวัตถุประสงค์หลักของอุปกรณ์นั้นๆ เพราะ แต่ละอุปกรณ์สร้างมาตอบโจทย์ไม่เหมือนกัน ถ้าต้องการหาตัวช่วยฆ่าเชื้อ แนะนำให้เลือกใช้เครื่องฆ่าเชื้อโดยตรง  ซึ่งเครื่อง Wellis Air ถูกจัดอยู่ในหมวดเครื่องฆ่าเชื้อ

  2. ไส้กรองเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคชั้นดี ดังนั้นตอนเปลี่ยนไส้กรองอากาศ ควรใส่ถุงมือและใส่หน้ากากอนามัย และควรเปลี่ยนไส้กรองนอกบ้าน ในพื้นที่เปิดที่มีอากาศถ่ายเทดี เพื่อลดความเสี่ยงการฟุ้งกระจายของเชื้อโรค  นอกจากนี้ควรใช้เครื่อง Wellis Air ควบคู่กับการใช้เครื่องกรองอากาศ เพราะเครื่องกรองอากาศจะกรองฝุ่นและอนุภาคในอากาศ ส่วน Wellis Air จะกำจัดเชื้อไวรัส เชื้อรา และแบคทีเรียในอากาศและพื้นผิวของวัตถุต่างๆ รวมถึงจุดที่เป็นซอกมุมอับ หรือที่ที่ทำความสะอาดได้ยาก   สั่งซื้อเครื่อง Wellis ได้ที่นี่>>

 

*หมายเหตุ
เพื่อป้องกันอันตรายจากความเสี่ยงติดเชื้อจากการสัมผัสวัตถุหรือระหว่างคนสู่คนอย่างสูงสุด ควรสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในพื้นที่ที่มีคนรวมตัวอยู่กันเยอะหรือมีอากาศถ่ายเทไม่ดี 

รวมถึงล้างมือด้วยสบู่ หรือใช้เจลแอกอฮอล์ 70% ให้บ่อยครั้ง และเว้นระยะ ห่างเพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อโรคและป้องกันการรับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย  การใช้เครื่องฆ่าเชื้อ Wellis Air เป็นตัวช่วยเสริมที่จะช่วยลดปริมาณเชื้อโรคในอากาศและที่เกาะตามพื้นผิววัตถุต่างๆ เท่านั้น

Leave a Reply

LINE

แชทกับผู้เชี่ยวชาญ

081-559-8555

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

Messenger

แชทกับผู้เชี่ยวชาญ

line